วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 11 : พาไปดูว่า..เขามีวิธีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานคนเป็นอธิการบดีและคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏแถวแยกบ้านธาตุ..กันอย่างไร..??..(ภาค 3)

 

 

แน่นอนครับว่า รูปแบบและเนื้อหาเดิมที่ใช้ในการประเมินฯ โดยเฉพาะกับการประเมินฯที่ทำผ่านเครื่องมือยอดนิยมมาช้านานอย่าง แบบสอบถาม (Questionnaires) นั้น ใช้ได้ในระดับหนึ่งแน่นอนครับ

 

image

 

แต่จากการที่ผมได้เห็นผลลัพธ์ของจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยหลายต่อหลายอย่างอันเกิดจากการปฏิบัติงานของผู้บริหารมหาวิทยาลัยในราชภัฏแห่งนี้มายาวนาน ผมกล้าบอกกล่าวยืนยันกับสังคมไทยไว้ตรงนี้ได้เลยว่า..

ลำพังการใช้เฉพาะแต่วิธีการประเมินฯด้วยรูปแบบเดิม ๆ เนื้อหาเดิม ๆ และเครื่องมือเดิม ๆ อย่างที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้นั้น แม้จะใช้ได้ระดับหนึ่ง

แต่ก็ไม่พอหรอกครับ !

ไม่พออย่างแน่นอนครับกับการวัดผลการปฏิบัติงานของพวกผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้ถูกต้องเที่ยงธรรมและให้ได้ผลงานที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์พัฒนามหาวิทยาลัยอย่างแท้จริงแล้วจะใช้แต่เฉพาะการแจกแบบสอบถามให้คนไปขีด ๆ ตามช่องต่าง ๆ แต่เพียงอย่างเดียวเช่นที่ทำตาม ๆ กันมายาวนานเป็นสิบ ๆ ปี

ต้องหาวิธีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลเพิ่มเติมจากการใช้เฉพาะแต่แบบสอบถาม และควรจะเพิ่มเติมจากเฉพาะวิธีการทางทฤษฎีต่าง ๆ ที่เขียนไว้ในตำราด้วยครับท่านคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร (หรือคณะกรรมการประเมินฯการจัดงานอื่น ๆ ทุกงานของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าชุดไหน ๆ ก็ตาม)

 

เพราะวิธีการประเมินในรูปแบบและเนื้อหาเดิม ๆ ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือเดิม ๆ และด้วยทฤษฎีเดิม ๆ ในตำราเดิม ๆ แต่เพียงอย่างเดียวนั้น นอกจากจะไม่ได้วัดผลการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ ครอบคลุมครบถ้วน รอบด้าน และเป็นประโยชน์ต่อสังคมมหาวิทยาลัยแท้จริงแล้ว.. 

ก็ยังทำให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่เจ้าเล่ห์เพทุบายบางคน..ได้มุ่งไปแต่การทำคะแนนเฉพาะในลิสต์ที่อยู่ในแบบสอบถามเป็นหลัก

(ซึ่ง บางลิสต์ ในแบบสอบถามนั้น..ต้องขออภัยที่จะบอกว่า บ้า ๆ บอ ๆ และไม่รู้ว่าจะถามมาทำไม เพราะทั้งไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงและทั้งวัดผลอะไรที่เป็นของจริงซึ่งเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยไม่ได้เลย)

 

ผู้บริหารมหาวิทยาลัยประเภทข้างต้นนี้ มักมีลักษณะนิสัยและคุณสมบัติคล้าย ๆ กัน คือ..

เป็นผู้ที่สร้างภาพภายนอกให้ตัวเองดูดีทุกกระเบียดนิ้วจนตบตาหลอกลวงผู้คนทั่วไปที่รู้ไม่เท่าทันได้เนียนมาก แต่ภายในจิตใจนั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบายติดตัวฝังมาในกมลสันดานส่วนลึก จึงมักใช้ความเจ้าเล่ห์หรือความฉลาดแกมโกงของตัวเองนี้ไปทุ่มเทสนใจอยู่แต่กับเรื่อง “การทำคะแนน” มากกว่า “การทำงาน” อย่างจริงจังให้มหาวิทยาลัยตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในวาระการดำรงตำแหน่ง

แล้วผู้บริหารมหาวิทยาลัยประเภทนี้ก็จะปล่อยทิ้งการสร้างสรรค์ผลงานของมหาวิทยาลัยที่อยู่นอกเหนือจากลิสต์ต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในหัวข้อเนื้อหาของแบบสอบถาม ถึงแม้ว่างานที่ไม่ได้ทำคะแนนที่อยู่นอกลิสต์ของแบบสอบถามเหล่านั้น..จะเป็นสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์แท้จริงต่อประชาคมมหาวิทยาลัยส่วนรวม และเป็นงาน สร้างสรรค์ ที่จะเอื้อต่อการพัฒนามหาวิทยาลัยให้ก้าวหน้างอกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาวก็ตาม

 

ถ้าถามว่า..ผู้บริหารมหาวิทยาลัยประเภทนี้มีเยอะไหม..??

ผมคิดว่ามีเยอะมากพอควรทีเดียวครับ

ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาก็จะเจอะเจอแต่ประเภทนี้เกือบทั้งนั้นแหละครับ..ประเทศชาติบ้านเมืองไทยเราถึงล้าหลัง ไปไม่ถึงไหนกับเขา เพราะมีผู้บริหารการศึกษาประเภทนี้คอยเป็นตัวถ่วง ฉุดรั้ง ขัดขวางการพัฒนาสิ่งถูกต้อง เหมาะสม และเป็นประโยชน์ที่ควรจะเกิดขึ้นในวงการศึกษาได้มากกว่านี้และดีกว่านี้นั่นเองครับ

 

และที่ผมพอจะยกตัวอย่างของผู้บริหารการศึกษาประเภทนี้ได้ ก็มีอยู่คนหนึ่งครับ

สมมุติว่าชื่อ นาย ป.ญ. ม.ห.ช. ก็แล้วกันนะครับ

 

คนอย่าง นาย ป.ญ. ม.ห.ช. จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องการเป็นผู้บริหารการศึกษาที่เอาแต่การมุ่งทำคะแนนตามลิสต์ในแบบสอบถามและตามเกณฑ์ตัวชี้วัดต่าง ๆ บนกระดาษเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ..

ส่วนจิตใจที่เต็มไปด้วย “อุดมการณ์.. อดมคติ” ที่จะสร้างสรรค์ทำงานเพื่อเป้าหมายที่ถูกต้องดีงามแท้จริงแก่มหาวิทยาลัยและสังคมนั้น..ไม่ต้องพูดถึง เพราะ “ไม่มี” (ที่ผ่านมา เป็นแค่การตบตาลวงหลอกผู้คนที่ติดดูแต่ภาพภายนอกให้เข้าใจไปเองว่าตัวเขา “มี”)

 

สมมุติว่า.. ถ้านักเรียน...“อ่านไม่ออก..เขียนไม่ได้”  

 

เข้าใจ..ให้ตรงกันก่อนนะครับ...

 

“อ่านไม่ออก..เขียนไม่ได้” ในที่นี่ ผมใช้เป็นสัญลักษณ์ หรือ ตัวแทน ของงานสร้างสรรค์อื่น ๆ ทุกประเภททางการศึกษาที่เป็นงานในส่วนของการก่อให้เกิด “การผลิต” ที่แท้จริงทางการศึกษา ไม่ใช่งานฉาบฉวยทั่วๆไปที่ไร้การผลิตอันเป็นประโยชน์แท้จริงต่อวงการการศึกษานะครับ

และ “อ่านไม่ออก..เขียนไม่ได้” ในที่นี่ ผมไม่ได้ใช้เป็นตัวแทนเพื่อหมายถึงลักษณะงานทาง “วิชาการ” เท่านั้น.. แต่ยังใช้เป็นสัญลักษณ์หมายรวมถึง งานในส่วน “สนับสนุนวิชาการ” ที่เป็นประโยชน์แท้จริงต่อการพัฒนามหาวิทยาลัยทุกอย่างด้วยครับ

 

ถ้านักเรียน...“อ่านไม่ออก..เขียนไม่ได้”

ผู้บริหารการศึกษาอย่าง นาย ป.ญ. ม.ห.ช. จะถือว่าไม่เป็นไร

และไม่เคยคิดจะเข้าไป take action หรือเข้าไปแก้ไขทำอะไรอย่างทุ่มเทเอาจริงเอาจังเพื่อให้นักเรียนของตนสามารถอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี

เพราะว่าผู้บริหารการศึกษาประเภทอย่าง ป.ญ. ม.ห.ช. จะบอกคนอื่นจนได้ยินกันบ่อย ๆ อยู่เสมอในลักษณะที่พอจะถอดความออกมาได้..ทำนองนี้ว่า..

 

 

อย่าไปยุ่ง.. มันไม่ถูกวัดอยู่ในลิสต์แบบสอบถามอย่างชัดเจน และยังไม่ได้ถูกถือเป็นเกณฑ์ตัวชี้วัดในการจะทำคะแนนให้ตัวเอง ไปยุ่งกับมันทำไม ให้ไปมุ่งทำคะแนนตามตัวชี้วัดให้มาก ๆ ก็พอ...

ถึงนักเรียน-นักศึกษาจะ...อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้.. ผู้บริหารสถานศึกษาอย่างเรา ก็ไม่ถูกวัด ไม่ถูกประเมินว่าล้มเหลว และไม่ถูกตรวจสอบว่ามีความผิดพลาดในการบริหารงานทางการศึกษาใด ๆ..

แต่ถ้าเราไม่ส่ง รายงาน หรือไม่มี “ตัวเลข ให้.. หรือไม่มีกิจกรรมตามหัวข้อประเมินที่กำหนดมาเป็นตัวชี้วัด นั่นคือเรื่องใหญ่สำหรับเรา..

เราจะเสียคะแนน จะถูกประเมินให้เสียหายอย่างย่อยยับ และ rating ของเราก็จะถูกลดลงไปอย่างฮวบฮาบ...

ดังนั้น.. สรุปว่า

นโยบายและวิธีการของผม..ป.ญ. ม.ห.ช. ก็คือ..

มันออกข้อสอบแบบไหนมา.. เราก็มุ่งไปทำข้อสอบตามที่มันถามนั้น..ให้ได้คะแนนเยอะ ๆ ก็พอแล้ว..

ไม่งั้น..เราจะได้ถึงที่ 4 ของประเทศ จาก กพร. โดยฝีมือผม..ดอกหรือ...

 

 

image

เดี๋ยวผมจะวิจารณ์ความคิดแบบนี้ของ  นาย ป.ญ. ม.ห.ช.  ในช่วงท้ายนะครับว่า “กลวง” และ “บัดซบ” เพียงใด

รวมทั้งจะชี้ให้เห็นว่าเรื่องการได้ลำดับที่ต้น ๆ ของ กพร. ที่เอามาอวดอ้างยกหางตัวเองของ นาย ป.ญ. ม.ห.ช.  นั้น มันเป็นเรื่องหลอกลวงสังคมของผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้อย่างไร และมันยังสะท้อนความล้มเหลวของระบบการ “วัดผล” ในระดับชาติของประเทศนี้ว่าต่ำชั้นกว่ามาตรฐานในระดับสากลเพียงใด

 

ตอนนี้ได้แต่ขอทอดถอนใจกับแนวความคิดข้างต้นของ นาย ป.ญ. ม.ห.ช. ไปก่อนว่า..“เฮ้อ” !!

ตามด้วยคำรำพึงรำพันต่อมาว่า..

เราได้คนที่มีความคิดกลวง ๆ และไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรใน “ปรัชญาการศึกษา” เลย..แบบนี้..ขึ้นมาเป็น “ผู้นำ” ใน “สถาบันการศึกษาไทย” ได้อย่างไร ??..!!

และไม่รู้อีกกี่สิบกี่ร้อยแห่งทั่วประเทศที่มี “ผู้นำ-ผู้บริหารสถานศึกษา” ที่มีความคิดอ่านทางการศึกษาได้แค่ระดับที่ ป.ญ. ม.ห.ช. โชว์ออกมาข้างต้น

มิน่า.. ประเทศนี้จึงไม่ไปถึงไหนกับเขาเสียที !!

 

เอาละครับ..ขอกลับมาต่อที่เรื่องเดิมครับว่า..

ในระบบการประเมินฯแบบเดิม ๆ ที่เป็นอยู่ในวงการศึกษาไทยทุกวันนี้ จึงต้องได้ผู้บริหารสถาบันการศึกษาแบบ Two in One จริง ๆ จึงจะนำพาการพัฒนาการศึกษาของบ้านเมืองเราไปสู่ความงอกงามและเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างแท้จริงได้ :

1. ต้องเอาตัวรอดในระบบประเมินฯดั้งเดิมที่ไปวัดผลในบางสิ่งบางอย่างหรือบางเรื่องที่ออกจะบ้า ๆ บอ ๆ  ไร้สาระ  และบางครั้งก็ล้าหลัง..(ชิบหาย)..อะไรก็ไม่รู้...ให้ได้ !

2. ต้องมีจิตใจที่ดีงาม เข้มแข็ง หนักแน่น และมีอุดมคติที่มั่นคงพอที่จะไปทำสิ่งที่ไอ้แบบสอบถามหรือไอ้ระบบประเมินฯดั้งเดิมมันไม่ได้ถาม มันไม่ได้วัด และมันไม่สนใจจะประมินฯ  แต่มันเป็นเรื่องที่ดีและจะก่อเกิดประโยชน์ต่อผู้คนและมีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์พัฒนาทั้งองค์กรและประเทศชาติจริง ๆ

เช่น เอาเวลาที่เหลือจากการทำข้อ 1 ไปมุ่งทำให้เด็ก ๆ อ่านออกเขียนได้อย่างจริงจัง หรือไปทำผลงานที่จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ในองค์กรมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง

 

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเท่าที่พบเจอมา ส่วนใหญ่ กว่าร้อยละ 90 เราจะพบแต่ผู้บริหารสถาบันการศึกษาไทย ที่มีเฉพาะแต่ ข้อ 1 ครับ 

เช่นตัวอย่างของ นาย ป.ญ. ม.ห.ช. ที่ยกมาข้างต้น..

จึงค่อนข้างเศร้าใจกับประเทศชาติบ้านเมืองไทยในเรื่องพวกนี้มากครับ..ที่เสียโอกาส..เสียอนาคตที่ดีกว่าไปกับ “การมีผู้บริหารสถานศึกษาแบบนี้มากเกินไป”... น่าเสียดายมากครับ

 

โดยส่วนตัว ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่า..

วิธีการประเมินของ คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ด้วยรูปแบบและเนื้อหาเฉพาะเท่าที่ใช้ทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้นั้น…

ไม่สามารถวัดผลการประเมินฯผู้บริหารมหาวิทยาลัยประเภทเล่ห์เหลี่ยมจัดที่มุ่งทำเฉพาะคะแนนตามลิสต์ในแบบสอบถามและตามเกณฑ์ตัวชี้วัดต่าง ๆ แต่เพียงอย่างเดียวนี้ได้อย่างถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แท้จริงเลย 

ต่อให้จะอ้างว่ามี คำถามปลายเปิด (Open – ended Questions) ไว้ให้ตอบประเมินฯได้อย่างอิสระแล้ว แต่ในทางปฏิบัติยากที่จะเวิร์ค เพราะเวลาคนตอบแบบสอบถาม ใครจะไปเขียนการประเมินฯพร้อมหลักฐานอ้างอิงประกอบจำนวนมากในบริเวณคำถามปลายเปิดได้อย่างครอบคลุมทุกมิติครบถ้วน

 

เพราะถ้าสามารถติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานการปฏิบัติหน้าที่ของคนเป็นอธิการบดี ให้บรรลุผลตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ได้จริง..

ทำไมยังเกิด “สิ่งเหล่านี้” ขึ้นในมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้..??..!!

 

นี่ครับ.. บางตัวอย่าง...

 

1. น้ำดื่ม ราชพฤกษ์ ผลิตขายโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

สภาพและคุณภาพเป็นแบบนี้ครับ..ที่ทำออกมาให้คนกิน !!

imageimageimage

คนที่นี่..ได้กินน้ำแบบนี้แหละครับ..!! (บางคนก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองได้กินน้ำที่มีเบื้องหลังแบบนี้ เพราะมันถูกเสิร์ฟโดยใส่มาไว้ในแก้วพร้อมดื่มเรียบร้อยแล้ว)

image  image

อยากให้ดูภาพข้างล่างเหล่านี้ต่อเนื่องไปอีกนิดครับ..

เป็นภาพที่หาดูได้ไม่ยากครับในมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้ มีให้เห็นแทบทุกวัน เวลาขับรถผ่านไปในมหาวิทยาลัย ก็จะพบเจอภาพแบบนี้บ่อยครับ..

 

clip_image002[3]  image 

image  image

image image 

 

นี่คือเด็ก ๆ ลูกหลานบุคคลากรของมหาวิทยาลัย..ที่เกิด, ถูกเลี้ยงดู, และเติบโตขึ้นมาภายใน campus ราชภัฏสกลนคร..แห่งนี้

เด็ก ๆ ลูกหลานเหล่านี้ ก็ต้องกินน้ำที่ถูกผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่นี่ผลิตให้ตามผลงานในสภาพแบบที่เห็นนั่นแหละครับ 

clip_image002  clip_image004 clip_image0025  clip_image0045

คนเป็น “อธิการบดี” และพวก “ผู้บริหาร” ที่นี่ บอกว่า ตนเองเป็น คนดีและ มีจิตสำนึกต่อสาธารณะ จนถึงขนาดขึ้นป้ายโฆษณาตัวเองใหญ่โตติดไว้นอกมหาวิทยาลัยให้ชาวบ้านเห็นทั่วไปหมดทั้งชุมชน

101_0106 คนดี มีจิตสำนึกสาธารณะ

แม่ง..เอ๊ย..!!.. คนดี ประสาอะไร…??

และ มีจิตสำนึกต่อสาธารณะ ห่าเหวอะ103_1504 ป้ายคนดี จิตสาธารณะ มีทักษะวิชาชีพไรกัน..??

ปล่อยให้คนในองค์กรตัวเองและชุมชนรอบข้าง รวมทั้งแขกที่มาเยี่ยมเยียนหรือร่วมงานต่าง ๆ ที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้น ต้องดื่มน้ำโสโครก โคตรสกปรก และมาตรฐานการผลิตต่ำสุด ๆ แบบนี้..

ไม่สมกับการเป็น สถาบันการศึกษา ที่เที่ยวไปสั่งสอนชาวบ้านในวิชาความรู้ต่างๆ แต่ตัวเอง..แม่ง..ยังทำจริงไม่ได้เลย..!!

แล้วยังมีหน้ากล้ามาบอกว่าตัวเองมีทักษะวิชาชีพ อีก..??..!!

 

 

101_1399 101_1405

แบบนี้หรือ..เรียกว่า..“มีทักษะวิชาชีพ… ถุยส์..!!

 

100_3793 100_3815

100_3817 image

เอาหลักฐานของจริงเหล่านี้มายืนยันครับว่า.. ยิ่งประเมินฯผู้บริหารมหาวิทยาลัยด้วยวิธีการเช่นนี้.. ก็ยิ่งทำให้เกิดผลลัพธ์จากการบริหารงานของอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏแถวแยกบ้านธาตุ ออกมาเป็นแบบนี้

 

2. ศูนย์อาหาร ราชพฤกษ์ ใน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

image  image image  image image  IMG_3496

นี่หรือครับ.. มหาวิทยาลัยที่ได้ที่ 4 ของประเทศ..!!..??

ผลงานแบบนี้หรือครับ  ที่ทำให้ได้ที่ 4 ของประเทศ จาก กพร. !!

image

ฝีมือบริหารจัดการที่ทำให้มหาวิทยาลัยต้องมีสภาพแบบนี้..ยังจะให้คนในสังคมยอมรับ..ทั้ง..วิธีการ..และ..ผล..การประเมินฯ..ของพวกตนเองที่ทำกันอยู่..อีกหรือ..??..!!

IMG_3500  IMG_3495IMG_3501  IMG_3504IMG_3506  IMG_3514

 

3. เป็นราชภัฏที่มีถนนไว้ทิ้งกองขยะ โดยได้รับการสนับสนุนจากคนเป็นอธิการบดีและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง

(ฟังดูเหมือนไม่น่าเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหมครับว่าจะมีอธิการบดีและผู้บริหารที่ทำให้เกิดภาพแบบที่เห็น จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรให้คนงานกวาดขยะที่นี่ - แต่รับรองได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ มาดูหลักฐานและรายละเอียดทุกอย่างได้ครับ)

image  image image  image

แม่ง..ทำงานกันออกมาแบบนี้.. จะให้คนเขาประเมินอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้ในตรงส่วนไหนของวิธีการและรูปแบบการประเมินฯที่คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครใช้อยู่ในทุกวันนี้ละครับ..??..!!! 

 

 

 

4. ถ้าระบบการตรวจสอบประเมินผลงานของคณะกรรมการฯ หรือแม้กระทั่งของ กพร. นั้นเวิร์คและโอเคจริง มันจะเกิดผลการปฏิบัติงานของอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏชุดนี้ออกมาเป็น สวนหย่อม ผักกาดหอมและ มะละกอขึ้นมาในดินแดนราชภัฏสกลนครแห่งนี้ได้หรือครับ ??

 

100_6768  101_1988102_7621  100_3375 ปลูกผักกาดหอม100_3387  100_3388

มหาวิทยาลัยที่มีผลงานการปลูก มะละกอ และ ผักกาดหอม ใน “สวนหย่อม” ภายในมหาวิทยาลัยของตัวเองแบบที่เห็นนี้..

คุณยังกล้าประเมินฯให้ได้ที่ 4 ของประเทศ..

หรือ คุณยังกล้ารายงานต่อสภามหาวิทยาลัยโดยประเมินว่าอธิการบดีคนนี้และคณะผู้บริหารชุดนี้มีผลการปฏิบัติงานดีเยี่ยม..

แบบนี้..ใครเขาจะไปเชื่อถือระบบวิธีการประเมินฯของพวกคุณกันเล่าครับ..

ยกเว้นพวก ฟายเท่านั้นกระมังครับ..ที่มันยังยอมเชื่อพวกคุณ..!!

101_3696  100_9079 101_2364  100_7162

 

5. มาตรฐานงานไฟฟ้าของสถาบันการศึกษาระดับ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ครับ

image  image    image  100_3717  271020074594 

อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เขาออกแบบมาไว้สำหรับใช้ “ภายใน” อาคาร.. แม่ง..ก็เอามาติดกลางแจ้งภายนอก แถมติดโชว์ไว้หน้าimageบ้านตัวเองซะด้วยโดยไม่รู้หนาวรู้ร้อนอะไรมายาวนานหลายปี ทั้งไร้ความปลอดภัยและแสนจะทุเรศในสายตาผู้พบเห็น   แต่ก็ยังได้รับการยอมรับจากพวกอธิการบดีและผู้บริหารที่นี่ รวมทั้งพวกคณะกรรมการประเมินฯผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้ ก็ยังกล้าประเมินฯให้ผู้บริหารที่สร้างผลงานให้เกิดแบบนี้และตัวอธิการบดีที่ไม่เคยสนใจติดตามดูแลความเป็นไปในงานขององค์กรตัวเองแบบนี้ว่า..ผ่านดีเยี่ยม..ได้.. เหลือเชื่อจริง ๆ..!!

 

100_5081  121120075172

ความมักง่ายของพวกคนงานไฟฟ้าที่นี่ ที่ใช้สายโทรศัพท์มาทำเป็นสายไฟ จ่ายกระแสไฟฟ้าภายในศาลาป้อม รปภ. ของมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้ตามที่เห็นในภาพ โดยไม่เคยคำนึงและเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของชีวิต รปภ. ที่อยู่ในป้อมยามนั้น

ถามว่า เรื่องแบบนี้ เราเคยมีการประเมินผลการปฏิบัติงานคนเป็นอธิการบดีและพวกผู้บริหารที่เกี่ยวข้องบ้างหรือไม่..??..ที่ปล่อยให้มีเรื่องซึ่งสะท้อนถึงการขาดความเอาใจใส่ หยาบ และฉาบฉวยในการบริหารองค์กรอย่างชัดเจนแบบนี้..ขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ..!! 

100_4557  100_4562  100_4577  100_6395  100_4578  100_6396ex7 

ผลงานแบบนี้นี่หรือครับ.. คือมหาวิทยาลัยที่ได้รับการประเมินฯให้ได้ถึงที่ 4 ของประเทศ…

100_9430  100_9374  100_9397  100_9415 

แม่ง..เอ๊ย..มาตรฐานการทำงานสุดริยำบัดซบและปล่อยทิ้งปล่อยขว้างกันชั่วนาตาปีอย่างไร้สำนึกความรับผิดชอบแบบนี้ละหรือ ที่พวกเมิงพากันอวดตัวเองว่าเป็น..“คนดี มีจิตสำนึกสาธารณะ และมีทักษะวิชาชีพ”…. ถุยส์..!!!

เมิงไม่รู้ตัว หรือไม่เคยชะโงกไปดูเงาตัวเองในน้ำบ้างหรือว่า “คนดี มีจิตสาธารณะ” อย่างพวกเมิงเกือบฆ่าคนตายจากผลงานริยำห่วยแตกแบบมี “ทักษะวิชาชีพ” มากเหลือเกินของพวกเมิง…

โดยเฉพาะเด็ก ๆ และนักศึกษาที่เดินผ่าน หรือมานั่ง มาใช้พื้นที่ในบริเวณที่มีผลงานไฟฟ้าแบบสไตล์ราชภัฏสกลนครของพวกเมิง..เกือบโดนไฟฟ้ารั่วช็อตตายหลายคน !!

100_0603  image100_0607  100_0609 

และกรณีผลงานแบบนี้.. จะให้คนเขาประเมินอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้ในตรงช่องไหนของแบบสอบถามละครับ..ท่านคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ??..!!

101_0458  101_0484  101_0499101_0495  101_0494  101_0444clip_image002  clip_image004

สังคมภายนอกจะได้มีโอกาสรับรู้ว่า ข้างในมหาวิทยาลัยราชภัฏมีสภาพแบบนี้

100_0585  100_0589101_0417  101_0414

 

6. เรื่องแค่นี้..ยังไม่มีการบริหารจัดการ..ปล่อยไปตามยถากรรมมานานเป็นปี ๆ..ผ่านไปเทอมแล้ว..เทอมเล่า.. อย่างนี้แล้ว..จะให้ยอมรับและเชื่อถือกับระบบวิธีการประเมินฯและผลการประเมินฯการทำงานของอธิการบดีและผู้บริหารราชภัฏแห่งนี้ที่ออกมาว่า..ดีมาก.. ได้อย่างไร ??

IMG_2438  IMG_2790  IMG_2791  IMG_3268  IMG_3291  IMG_3294 

ทั้งอธิการบดีและผู้บริหารราชภัฏที่นี่..ไม่รู้จิตใจมันทำด้วยอะไร..ถึงปล่อยทิ้งปล่อยขว้างให้นักศึกษาและบุคคลากรของมหาวิทยาลัยเสี่ยงตายกันเองเหมือนชีวิตคนของมหาวิทยาลัยราชภัฏนี้รวมถึงประชาชนที่ผ่านไปมาไร้ค่าเสียเหลือเกิน

IMG_0786  IMG_0787IMG_0797  IMG_0798

ต่างกันมากเลยครับ..กับบริเวณอีกที่หนึ่งของราชภัฏสกลนครเช่นกัน..

ที่คนเป็นอธิการบดีและผู้บริหารมหาIMG_1191วิทยาลัยกลับจัดให้มี รปภ. ไว้คอยดูแลถึง 2 คน..

ทั้ง ๆ ที่บริเวณนี้.. มีอันตรายและความเสี่ยงน้อยกว่าบริเวณตามรูปข้างบนอย่างเทียบกันไม่ได้..

รวมทั้งบริเวณนี้เป็นเพียงพื้นที่ของคนกลุ่มน้อยที่มีคนให้ดูแลอยู่ไม่กี่สิบคน เทียบกับคนที่มีให้ดูแลจำนวนมหาศาลบริเวณพื้นที่ถนนหน้าประตู 3 ของมหาวิทยาลัย..ตามรูปข้างบน..ไม่ได้เลย..!!..

จึงอนาถในวิธีคิด ในการทำงาน ในวิธีการบริหารจัดการมหาวิทยาลัยของอธิการบดีคนนี้และบริวารกลุ่มนี้จริง ๆ..!!

เฮ้อ..!..พูดไปก็เหมือน สีซอ ให้พวกนี้ฟัง..!!

เพราะ..แม่ง..ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับการบริหารจัดการองค์การที่ดีเลย !

ไม่รู้..แม่ง..มาเป็นอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยกับเขาได้อย่างไร..?

ถึง “คิด”…และ “ตัดสินใจ”..เรื่องกรณีแบบนี้ไม่เป็น.. เวรจริง ๆ..!!

IMG_2038  IMG_3953

ผมมีคำแนะนำคนเป็นอธิการบดีและบริวารของเขาที่ขุนกันขึ้นมาเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้ว่า..

ทีหลังพวกคุณไม่ต้องไปดูงานถึงต่างประเทศให้เสียเวลาและผลาญเงินของแผ่นดินเลยครับ..

ให้ไปดูงานแถวนี้เลย..อยู่ใกล้ ๆ ราชภัฏของพวกคุณทั้งนั้น..

คุณไม่เคยเห็นบ้างหรืออย่างไร ??

เขาทำกันมาหลายปีแล้ว..ในขณะที่พวกคุณก็ทำตรงข้าม.. คือปล่อยทิ้งมาหลายปีเหมือนกัน..

เป็นถึงระดับ มหาวิทยาลัยแม่ง..ทำอะไร ไม่รู้จัก อายระดับ ประถม, มัธยม, เทคนิค, โรงเรียนพาณิชย์ในจังหวัดเดียวกันเขามั่งเลย..!!

IMG_2750  imageIMG_2751  IMG_3111IMG_2360  IMG_2564

นักเรียนของโรงเรียนและวิทยาลัยเหล่านี้ โชคดีที่มีผู้บริหารสถานศึกษาของตนที่รู้จักมีความคิดอ่านเชิงการบริหารองค์กร และมีจิตใจที่เอื้ออาทร ห่วงใย คิดถึงคุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ มากกว่าผู้บริหารของราชภัฏสกลนครที่บริหารงานในสไตล์แบบปล่อยไปตามบุญตามกรรม..มากนัก

นักศึกษาราชภัฏสกลนครจึงโชคร้ายกว่านักเรียนของโรงเรียนและวิทยาลัยเหล่านี้..ที่ต้องเสี่ยงตายกว่าในการเข้า-ออกมหาวิทยาลัยทุกวันโดยไร้การบริหารจัดการสภาพการจราจรที่เป็นอันตราย..ทั้งระยะสั้น-ชั่วคราว หรือ ระยะยาว-ถาวร จากอธิการบดีและผู้บริหารราชภัฏแห่งนี้..

ที่ไม่มีแม้กระทั่งสัญญาณไฟจราจร.. หรือไม่มีแม้กระทั่งการประสานให้มีตำรวจจราจรเหมือนสถานศึกษาอื่น ๆ เขา..

หรือ.. ไร้เงาเจ้าหน้าที่ รปภ. ของตัวเองมาทำหน้าที่ปกป้องชีวิตนักศึกษาและบุคคลากรของตัวเอง..

(แต่บริเวณหน้าโรงเรียนของอภิสิทธิ์ชนบางกลุ่มในมหาวิทยาลัยที่มีคนอยู่น้อยนิด..กลับมี รปภ. ไปปรากฎกายอยู่หน้าโรงเรียนนั้น..เช้า-เย็น..ทุกวัน)

IMG_3357 IMG_3557

ยังมีอีกหลายตัวอย่างนอกเหนือจากที่ยกมา..อีกมากครับ...

ที่สามารถสนับสนุนและยืนยันว่า..

รูปแบบวิธีการประเมินของ “คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร” ที่ทำกันมาแบบเดิม ๆ เป็นสิบ ๆ ปีจนถึงทุกวันนี้นั้น..

ไม่สามารถวัดผลการประเมินฯ..อธิการบดี..และ..ผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครแห่งนี้..อย่างถูกต้องสมบูรณ์ และเป็นประโยชน์แท้จริงต่อการพัฒนามหาวิทยาลัย..ตลอดตจนสังคมชุมชน..ในระยะยาวได้เลย

 

ตอนนี้.. เอาแค่ 6 ตัวอย่างเบื้องต้นก่อนนะครับ

แต่ไม่ต้องห่วงครับยังมีตัวอย่างที่ 7, 8, 9, 10,.., ต่อไปอีกเรื่อย ๆ ที่จะนำเสนอให้ดูกันอีกเยอะครับ…

เอาบางตัวอย่างเพิ่มเติมไปดูกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน ก็ได้ครับ..เช่น… 

 

IMG_0145 IMG_3109

ผู้บริหารที่นี่ ยอมให้อภิสิทธิ์ชนบางกลุ่มในมหาวิทยาลัยแย่งยึดถนนของส่วนรวมไปทำเป็นที่จอดรถส่วนตัวให้ชนกลุ่มน้อยแห่งนี้ใช้เพียงวันละ 2 ชั่วโมง.. โดยนักศึกษาและคนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยไม่ได้ใช้งานเลยทั้งวัน

นี่มันเป็นจิตสำนึกสาธารณะ (ตามที่คุยโม้โอ้อวด) หรือ จิตสำนึกเห็นแก่ตัว ของพวกผู้บริหารที่นี่กันแน่ !!

และกรณีแบบนี้.. ผลงานแบบนี้.. ที่กระทบและละเมิดสิทธิคนส่วนใหญ่อย่างไม่เป็นธรรมโจ่งแจ้ง.. ทำไม..ไม่มีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยจากคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลฯ และจากสภามหาวิทยาลัยแห่งนี้.. ทำไมยังปล่อยให้อธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยกระทำสิ่งนี้ได้อยู่จนถึงทุกวันนี้..??..!!

 

 

IMG_2603 IMG_2615

เห็นภาพนี้แล้วเศร้าใจครับ...

ในยุคนี้ พ.ศ. นี้ (2555) นักศึกษาที่นี่ ยังต้องนั่งพื้นเรียนเลยครับ วัสดุอุปกรณ์ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สุดในการจัดการศึกษาของที่ราชภัฏแห่งนี้ยังไม่พร้อมและยังจัดหาให้นักศึกษาได้ไม่เพียงพอเลยครับ สะท้อนความเอาใจใส่และอะไรต่างๆในการบริหารงานมหาวิทยาลัยของอธิการบดีคนนี้และทีมบริวารของเขาไปถึงไหนต่อไหนได้เป็นอย่างดีเลยใช่ไหมครับ

แล้วไหนล่ะครับ..การประเมินฯในเรื่องพวกนี้ของคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลฯ และของสภามหาวิทยาลัยที่นี่.. ไม่มีเลย..!!

หรือเรื่องนักศึกษาไม่มีโต๊ะเก้าอี้นั่งเรียนอย่างเพียงพอ ต้องนั่งพื้นเรียนอยู่ในยุค พ.ศ. ที่โปรโมทกันว่ากำลังจะไปสู่ประชาคมอาเซียนนั้น มันไม่ทุเรศพอในสายตาของคณะกรรมการฯประเมินผลฯ และของสภามหาวิทยาลัยที่นี่.. เรื่องแบบนี้เลยไม่มีค่าที่จะนำมาวัดผลและประเมินการทำงานของคนเป็นอธิการบดีและผู้บริหารราชภัฏแห่งนี้ ??..!!

 

image

นี่เป็นอีกผลงานของ “อธิการบดีและผู้บริหารราชภัฏสกลนคร” ที่ “คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลฯ” และ “สภามหาวิทยาลัย” แห่งนี้ ไม่เคยประเมินฯ

ทั้ง ๆ ที่วิญญูชนทั่วไปที่ผ่านไปมาหน้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ต่างก็รู้ดีว่าการปล่อยให้หญ้าขึ้นรกรุงรังแบบตามในภาพนั้น เป็นเรื่องบังควรหรือไม่เพียงไร..

มีแต่อธิการบดีและผู้บริหารราชภัฏสกลนคร..ที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จึงยังกล้าปล่อยให้มีผลงานแบบนี้เกิดขึ้น..

รวมทั้งคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลฯ และ สภามหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรกับเขาไปด้วย..ถึงปล่อยผ่านการประเมินฯพวกผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่สร้างผลงานแบบนี้

 

IMG_9639  IMG_9640IMG_9728  IMG_9729IMG_1423  IMG_9587

ก็เพราะระบบวิธีการประเมินฯอ่อนแอและมีช่องว่างอย่างนี้แหละครับ จึงทำให้อธิการบดีและพวกผู้บริหารกลุ่มนี้กล้าทำผลงานแนวทุเรศ ไร้รสนิยม ตลกขบขันแบบไม่รู้จักความอับอายเหล่านี้ออกมาให้คนส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยและแขกเหรื่อที่มางานรับพระราชทานปริญญาบัตรฯได้เห็น..ได้เสพอยู่เรื่อย ๆ

เพราะผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้ก็เกิดการเรียนรู้ว่า..ทำไปก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีการประเมินฯในเรื่องทำนองนี้ และวิธีการเดิม ๆ ที่ใช้ในการตรวจสอบ วัดผลงานกันอยู่ทุกวันนี้นั้นก็มีจุดอ่อนที่เอื้อมเข้ามาประเมินผลงานแบบตัวอย่างในภาพข้างต้น..ไม่ถึง..!!

 

 

 

ทิ้งท้าย...ก่อนจบ..

ด้วยคำถามนี้ว่า..

 

ผลงานแบบตัวอย่างข้างบนนี้..

ไม่เข้าตาท่าน “คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร”  ในการใช้วัดผล..หรืออย่างไรครับ ??..!!

ไม่ทราบว่า..ผลงานจริงของ “อธิการบดี” และ “คณะผู้บริหาร” ราชภัฏสกลนคร ตามตัวอย่างข้างต้นนี้.. ไม่อยู่ในรายการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลงานของ “คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร”  หรืออย่างไร ??…

จึงทำให้คนเป็น “อธิการบดี” และ “พวกผู้บริหารมหาวิทยาลัย” ของราชภัฏแห่งนี้..กล้าปล่อยให้เกิดผลงานเลวบัดซบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังเกิดขึ้นในสถาบันระดับที่เรียกตัวเองว่า “มหาวิทยาลัย” และเป็นดินแดนของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่รวมของชุมชนการศึกษา ดังที่เห็นจากตัวอย่างข้างต้นเหล่านี้ (ความจริงยังมีมากกว่านี้) ขึ้นมาได้อยู่เรื่อย ๆ

ซึ่งไม่ใช่มีแค่ครั้งสองครั้ง แต่เกิดขึ้นตลอดและยาวนานต่อเนื่องกันมาหลายปี

และในอนาคตก็จะเกิดผลงานแบบตัวอย่างข้างต้นเหล่านี้ขึ้นมาในมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครแห่งนี้อีกเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน..ถ้ายังอยู่ภายใต้แนวคิด วิธีการ สไตล์การทำงาน และการสร้างสมวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นแบบนี้ของพวก “อธิการบดี” และ “ทีมผู้บริหารมหาวิทยาลัย” ที่เป็นบริวารและลูกหาบกลุ่มนี้

 

เห็นประจักษ์พยานหลักฐานของจริงจากตัวอย่างผลงานที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครแบบที่ยกมาให้ดูข้างต้นแล้ว.. ยิ่งทำให้ผู้คนเกิดข้อสงสัยและตั้งคำถามพื้นฐานง่าย ๆ อย่างธรรมดาสามัญที่สุด..ว่า..

ผลงานแบบนี้.. “คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร” สามารถประเมินและสรุปผลการประเมินออกมาได้ทุกปีว่า..อธิการบดี และทีมผู้บริหารบริวารชุดนี้..มีผลการปฏิบัติงานที่ดี และ ผ่านยอดเยี่ยม..ได้อย่่างไร ??

 

และ..ยังมีข้อสงสัยไปถึงอีก หน่วยงานหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ตามที่ปรากฎอยู่ใน มาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547

 

มาตรา 50

แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ

พ.ศ. 2547

บัญญัติว่า

 

ให้ คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัย มีอำนาจและหน้าที่ ในการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล การใช้จ่ายงบประมาณ การจัดการศึกษา การวิจัย ดังนี้

(1) ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัย และของอธิการบดี โดยรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของมหาวิทยาลัย และ ของอธิการบดี ประกอบการประเมินผลงาน

(2) รายงานผล การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัย และของอธิการบดี พร้อมความเห็น ต่อ สภามหาวิทยาลัย ทุกปี

 

เป็นข้อสงสัยพร้อมคำถามพื้นฐานธรรมดาสามัญที่มีต่อ..

หน่วยงานตามข้อ (2) ของมาตรา 50 นี้..ว่า..

สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร..แห่งนี้..ไม่เคยได้รับรายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยและของอธิการบดี พร้อมความเห็น..เกี่ยวกับผลงานอุบาทว์ ๆ ที่อธิการบดีคนนี้ปล่อยให้เกิดขึ้นในราชภัฏแห่งนี้แบบตัวอย่างข้างต้นนั้นบ้างเลยหรือ ??

แล้วสภามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้เอาแต่รับฟังรายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานฯ แบบไหน..??

และ..วัน ๆ มัวทำอะไรกันบ้าง..หือ..!!..??

ถึงไม่รู้เรื่องรู้ราวความเป็นไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้เลยว่า..

ได้มีผลงานห่วย ๆ และเฮงซวยของอธิการบดีและบริวารทีมนี้เกิดขึ้นดังตัวอย่างที่ยกมาข้างต้น (เป็นอย่างน้อย)…

ไม่รู้เลยหรือว่า.. ได้ปล่อยให้อธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่นี่สร้างผลงานแบบตัวอย่างที่เห็นข้างต้นมาทำร้ายทำลายสิ่งต่อไปนี้ :

ทำร้ายภาพลักษณ์ที่ดีงามของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งนี้,

ทำร้ายคุณภาพการจัดการศึกษาของที่นี่ให้เลวร้ายตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ,

ทำลายวัฒนธรรมองค์กรของที่นี่ในด้านการทำงานที่มีธรรมาภิบาลให้พังลงไปอย่างย่อยยับ,

ทำลายวัฒนธรรมในการทำงานที่ดี เสียสละ และอุทิศตนทุ่มเทให้มหาวิทยาลัยของคนงานที่นี่ แต่กลับไปสร้างนิสัยที่เสียในการทำงานให้กับคนงานที่นี่ ทั้งปลูกฝัง..ทั้งสั่งสมทัศนคติและค่านิยมในวัฒนธรรมการทำงานที่ผิด ๆ และเห็นแก่ตัวให้กับคนงานที่นี่อย่างต่อเนื่องมายาวนานหลายปี จนแก้ยาก..และจนยากที่จะฟื้นฟูขึ้นมาให้ดีได้,

ทำร้ายทำลายคุณภาพชีวิตที่ดีของบุคคลากรทุกส่วนในมหาวิทยาลัย รวมทั้งเด็ก ๆ ลูกหลานของบุคคลากรที่ถูกเลี้ยงดูและเติบโตขึ้นมาภายในราชภัฏสกลนครแห่งนี้.. (กรณีผลงาน “น้ำดื่ม” ของราชภัฏสกลนครตามตัวอย่างที่แสดงมาข้างต้น ซึ่งขาดการควบคุมคุณภาพ จนสุดแสนจะสกปรกโสโครกและเต็มไปด้วยเชื้อโรค..ที่อธิการบดีและบริวารในระบบอุปถัมภ์ของเขาผลิตขึ้นมาขายให้คนภายในมหาวิทยาลัยได้ดื่มกินทุกวัน..เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในประเด็นนี้)

 

ถามจริง ๆ และ ถามย้ำอีกครั้ง..ว่า..

ที่มีผลงานแบบตัวอย่างข้างต้น (เป็นอย่างน้อย)…เกิดขึ้นมาในมหาวิทยาลัยราชภัฏ ณ แยกบ้านธาตุ สกลนคร แห่งนี้..นั้น..

คนที่นั่งเป็นกรรมการอยู่ในสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร..

ไม่รู้เรื่องกันบ้างเลยหรือครับ ??…

ถึงยังปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก และปล่อยผ่านผลการประเมินฯอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้ให้ออกมาสร้างผลงานที่ทำร้ายทำลายคุณภาพการพัฒนามหาวิทยาลัยและคุณภาพชีวิตผู้คนในมหาวิทยาลัยอยู่ได้อีกเรื่อยๆ ไม่รู้จบ

 

ทั้ง ๆ ที่บางคนนั่งอยู่ในสภามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้มายาวนานตั้งแต่ปี 2540.. นับถึงปีนี้ 2555 ก็เป็นเวลารวมแล้วกว่า 15 ปีที่อยู่อย่างต่อเนื่องโดยไม่เคยลุกไปไหน มิหนำซ้ำยังได้รับการต่ออายุให้อยู่ต่อไปอีก 3 ปี (และคาดว่าจะต่อไปอีกเรื่อย ๆ จนน่าจะอยู่ถึง 20 กว่าปี)

แต่คนที่อยู่ในสภามหาวิทยาลัยแห่งนี้มายาวนานจนรากงอกร่วม 15 ปีเหล่านี้ ไม่ทราบว่าได้กลายเป็นคนที่หูหนวกตาบอดไปตั้งแต่เมื่อไร.. จึงไม่เคยรับรู้ ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินราชภัฏแห่งนี้บ้าง

 

ผลงานบัดซบและเลวร้ายที่ทำร้ายทำลายคุณภาพการพัฒนาการศึกษาและตัวองค์กรมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครซึ่งเกิดขึ้นมาช้านานโดยน้ำมือของอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้..(ดังตัวอย่างรูปธรรมจริงมากมายที่ยกมาให้ดูข้างต้นนั้น)..มันรอดหูรอดตา..รอดการติดตามตรวจสอบ..รอดการเอาใจใส่ดูแลจากเหล่าบรรดา “กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้” ที่คุยว่ามีแต่ผู้มีเกียรติ ทรงภูมิปัญญา ทรงคุณวุติ..กันทั้งนั้น…ไปได้อย่างไรกัน ??... 

ไม่งั้น..เมื่อรับรายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยและของอธิการบดี..พร้อมความเห็น.. จาก “คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร” ตามข้อ (2) ของมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 แล้ว..

จะนิ่งเฉย.. และยังปล่อยให้อธิการบดีกับพวก..ที่มีผลงานดังที่ปรากฎตามตัวอย่างข้างต้นนั้น..สอบผ่านการประเมินฯ..โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบ และไม่ได้ทำอะไรเลย..ได้หรือ..!!..???

 

ในฐานะ “บอร์ด” บริหารสูงสุดขององค์การ..ทั้งตามความหมาย และตามกฎหมาย (พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547)..

จะมาอ้างโน่นอ้างนี่..แก้ตัวไปเรื่อย ๆ กับผลงานเลวทรามที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยดังที่เห็น..ได้หรือ ??

 

ตราบใด..ที่ยังปล่อยให้มีสิ่งอุบาทว์บัดซบที่เป็นผลงานเลว ๆ ของอธิการบดีและคณะผู้บริหารบริวารพวกนี้เกิดขึ้นมาในราชภัฏ ณ แยกบ้านธาตุแห่งนี้ และยังคงดำรงอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่เคยมีการแก้ไขและพัฒนาให้งอกงามขึ้น..

ตราบนั้น.. ความรับผิดชอบสูงสุดในผลลัพธ์แบบนี้..จะตกไปอยู่กับใครไปไม่ได้..นอกจาก “บอร์ด” สูงสุดของการบริหารองค์กร..

คือ.. “สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร” แห่งนี้..เท่านั้น !!

 

สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร..จึงไม่มีทางจะปฏิเสธความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นจากผลการบริหารมหาวิทยาลัยของพวกอธิการบดีกับบริวารกลุ่มนี้ตามตัวอย่างข้างต้น..ไปได้เด็ดขาด..!!!  l